มหันตภัยร้ายไดออกซิน (Dioxins)
ไดออกซินเป็นสารมลพิษอินทรีย์ที่ตกค้างยาวนาน 1 ใน 12 ชนิดที่ต้องมีการควบคุมและลดการปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม
ไดออกซินคืออะไร
ไดออกซิน (dioxins) เป็นผลิตผลทางเคมีที่เกิดขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจผลิตขึ้น (unintentional products) จากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เป็นสารประกอบในกลุ่มคลอริเนตเตท อะโรเมติก (chlorinated aromatic compounds) ที่มีออกซิเจน (O) และคลอรีน (Cl) เป็นองค์ประกอบ 1 ถึง 8 อะตอม ไดออกซิน มีชื่อเรียกเต็ม คือ โพลีคลอริเนตเตทไดเบนโซ พารา-ไดออกซิน (polychlorinated dibenzo-para-dioxins` PCDDs) มีทั้งหมด 75 ชนิด และสารอีกกลุ่มที่มีโครงสร้าง และความเป็นพิษคล้ายกับไดออกซิน เรียกว่า Dioxin like สารกลุ่มนี้คือ ฟิวแรน มีชื่อเรียกเต็มคือ โพลีคลอริเนตเตทไดเบนโซฟิวแรน (polychlorinated dibenzo furan` PCDFs) มีอยู่ 135 ชนิด โดยไดออกซิน/ฟิวแรน มีทั้งหมด 210 ชนิด (75+135) ขึนอยู่กับตําแหน่งที่มีสารคลอรีน (Cl) บนวงแหวนของเบนซีน (benzene ring) (จารุพงศ์ บุญหลง, 2547) และจํานวนไอโซเมอร์ (isomer) ของไดออกซินและฟิวแรน
รัฐบาลเยอรมนีเร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาความกลัวของสาธารณชน หลังพบการปนเปื้อนสารไดออกซินที่เป็นพิษรุนแรงในอาหารเลี้ยงเป็ด ไก่ และสุกร ที่แพร่ขยายเป็นวงกว้างกว่าที่คาดไว้
รัฐบาลเยอรมนีแถลงเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2554 ว่า อาหารสัตว์อย่างน้อย 3,000 ตัน ที่เชื่อว่าปนเปื้อนสารพิษไดออกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ถูกแจกจ่ายไปยังฟาร์มเลี้ยงเป็ด ไก่ และสุกร กว่า 1,000 แห่งใน 8 รัฐของเยอรมนีซึ่งมากกว่าที่ประกาศในตอนแรกถึงกว่า 6 เท่า โดยตอนแรกประกาศว่ามีอาหารสัตว์ปนเปื้อนเพียง 500 ตันเท่านั้นที่ถูกแจกจ่าย
อิลเซอ ไอเญอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเยอรมนีประกาศว่า อาหารสัตว์ที่ปนเปื้อนเหล่านี้ไม่มีอันตรายต่อสาธารณชน ขณะที่กรณีอื้อฉาวนี้แพร่กระจายไปทั่วภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนี ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนเนเธอร์แลนด์
ความกลัวเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนแผ่ขยายไปทั่วประเทศ นับตั้งแต่ฟาร์มต่างๆ เริ่มยุติการผลิตไข่และเนื้อเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ต้นตอของการปนเปื้อนอาหารสัตว์นี้เริ่มขึ้นที่ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันสำหรับการผลิตอาหารสัตว์รายหนึ่งในรัฐชเลสวิก-ฮอลชไตน์ ทางภาคเหนือของเยอรมนี โดยน้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ถูกจำหน่ายไปใช้ในการผลิตอาหารสัตว์
ความกลัวเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนแผ่ขยายไปทั่วประเทศ นับตั้งแต่ฟาร์มต่างๆ เริ่มยุติการผลิตไข่และเนื้อเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ต้นตอของการปนเปื้อนอาหารสัตว์นี้เริ่มขึ้นที่ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันสำหรับการผลิตอาหารสัตว์รายหนึ่งในรัฐชเลสวิก-ฮอลชไตน์ ทางภาคเหนือของเยอรมนี โดยน้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ถูกจำหน่ายไปใช้ในการผลิตอาหารสัตว์
คุณสมบัติของสารไดออกซิน
โครงสร้างของสารไดออกซิน/ฟิวแรน ที่ประกอบด้วยคลอรีนอะตอมเกาะเกี่ยวด้วยพันธะทางเคมีกับวงแหวนเบนซีน ละลายได้ดีในไขมัน ทําให้สารในกลุ่มนี้มีความคงทนสูงอยู่ในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ละลายน้ําได้น้อย สามารถถ่ายทอดและสะสมได้ในห่วงโซ่อาหาร (food chain) สามารถเคลื่อนย้ายและแพร่กระจายในอากาศและตกลงสู่ดิน รวมทั้งแหล่งน้ํา สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม มีความเป็นพิษโดยมีการจัดการลําดับความเป็นพิษของ WHO ซึ่งเทียบให้เป็นสารที่มีความเป็นพิษระดับ 1 ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของไดออกซินและฟิวแรน ดังนี้
คุณสมบัติ PCDDs PCDFs
จุดหลอมเหลว (°C) 89 -322 184-258
จุดเดือด(°C) 284-510 375-537
Log Kow 4.3-8.2 5.4-8.0
Half life (อากาศ) 2 วัน – 3 สัปดาห์ 1 – 3 สัปดาห์
Half life (น้ํา) 2 เดือน – 6 ปี 3 วัน – 8 เดือน
Half life (ดิน) 2 เดือน – 6 ปี 8 เดือน – 6 ปี
Half life (ตะกอนดิน) 8 เดือน – 6 ปี 2 ปี – 6 ปี
ที่มา: Olie, K., Addink, R., and Schoonenboom, M. (1998)
คุณสมบัติ PCDDs PCDFs
จุดหลอมเหลว (°C) 89 -322 184-258
จุดเดือด(°C) 284-510 375-537
Log Kow 4.3-8.2 5.4-8.0
Half life (อากาศ) 2 วัน – 3 สัปดาห์ 1 – 3 สัปดาห์
Half life (น้ํา) 2 เดือน – 6 ปี 3 วัน – 8 เดือน
Half life (ดิน) 2 เดือน – 6 ปี 8 เดือน – 6 ปี
Half life (ตะกอนดิน) 8 เดือน – 6 ปี 2 ปี – 6 ปี
ที่มา: Olie, K., Addink, R., and Schoonenboom, M. (1998)
การเกิดและแหล่งกําเนิดไดออกซิน
สารกลุ่มไดออกซิน/ฟิวแรนที่เกิดขึ้นในรูปของผลผลิตพลอยได้จากหลายกระบวนการและแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม สามารถสรุปได้ ดังนี้
1. กระบวนการผลิตเคมีภัณฑ์ที่มีคลอรีนโบรมีน ฟีนอล เป็นองค์ประกอบ เช่น 2,4,5 – T (herbicide) และ pentachlorophenol (Rappe, C., 1996)
2. กระบวนการเผาไหม้จากเตาเผาอุณหภูมิสูง (incinerator) เช่น เตาเผาขยะชุมชน เตาเผาขยะติดเชื้อ เตาเผาขยะสารอันตราย หรือ กากอุตสาหกรรม กระบวนการหลอมโลหะ ซึ่งพบสารไดออกซิน/ ฟิวแรนในกากของเถ้าลอย (fly ash) อากาศที่ปลดปล่อยจากปล่องควัน และน้ําชะเตาเผา รวมถึงเตาเผาหลอมโลหะที่มีโลหะประเภทต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น อุตสาหกรรมรีไซเคิลโลหะ อุตสาหกรรมหลอมอะลูมิเนียม โลหะทองแดง แมงกานีส และนิกเกิล (Olie, K., Addink, R., and Schoonenboom, M., 1998) การเผาไหม้ที่อุณหภูมิสูงจะเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาต่างๆ เช่น ไพโรลิซิส (pyrolysis) กระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊ส (gasification) และการเผาไหม้ (combustion) และธาตุต่าง ๆ เช่น คาร์บอน คลอรีน ไฮโดรเจน และออกซิเจน โดยการเกิดไดออกซินและฟิวแรน (Moreno-Pirajan, JC., et al., 2007)
3. กระบวนการทางธรรมชาติ หรือ กิจกรรมของมนุษย์ที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ เช่น chlorophenol hydrogen peroxide จากโรงงานกระดาษ การผลิตเยื่อกระดาษ หรือการทับถมของขยะ แหล่งกําเนิดสารกลุ่มไดออกซิน/ฟิวแรน ที่ปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งจากการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์
4. กระบวนการเกิดปฏิกิริยาเคมีแสง (photochemical reaction) ภายใต้บรรยากาศ ทําให้ไดออกซิน
ปลดปล่อยสู่บรรยากาศและเคลื่อนย้ายไปได้ไกล (Oka , H., et al., 2006a Steen, PO., et al., 2009)
1. กระบวนการผลิตเคมีภัณฑ์ที่มีคลอรีนโบรมีน ฟีนอล เป็นองค์ประกอบ เช่น 2,4,5 – T (herbicide) และ pentachlorophenol (Rappe, C., 1996)
2. กระบวนการเผาไหม้จากเตาเผาอุณหภูมิสูง (incinerator) เช่น เตาเผาขยะชุมชน เตาเผาขยะติดเชื้อ เตาเผาขยะสารอันตราย หรือ กากอุตสาหกรรม กระบวนการหลอมโลหะ ซึ่งพบสารไดออกซิน/ ฟิวแรนในกากของเถ้าลอย (fly ash) อากาศที่ปลดปล่อยจากปล่องควัน และน้ําชะเตาเผา รวมถึงเตาเผาหลอมโลหะที่มีโลหะประเภทต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น อุตสาหกรรมรีไซเคิลโลหะ อุตสาหกรรมหลอมอะลูมิเนียม โลหะทองแดง แมงกานีส และนิกเกิล (Olie, K., Addink, R., and Schoonenboom, M., 1998) การเผาไหม้ที่อุณหภูมิสูงจะเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาต่างๆ เช่น ไพโรลิซิส (pyrolysis) กระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊ส (gasification) และการเผาไหม้ (combustion) และธาตุต่าง ๆ เช่น คาร์บอน คลอรีน ไฮโดรเจน และออกซิเจน โดยการเกิดไดออกซินและฟิวแรน (Moreno-Pirajan, JC., et al., 2007)
3. กระบวนการทางธรรมชาติ หรือ กิจกรรมของมนุษย์ที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ เช่น chlorophenol hydrogen peroxide จากโรงงานกระดาษ การผลิตเยื่อกระดาษ หรือการทับถมของขยะ แหล่งกําเนิดสารกลุ่มไดออกซิน/ฟิวแรน ที่ปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งจากการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์
4. กระบวนการเกิดปฏิกิริยาเคมีแสง (photochemical reaction) ภายใต้บรรยากาศ ทําให้ไดออกซิน
ปลดปล่อยสู่บรรยากาศและเคลื่อนย้ายไปได้ไกล (Oka , H., et al., 2006a Steen, PO., et al., 2009)
ความเป็นพิษของไดออกซินที่มีต่อร่างกาย
พิษเฉียบพลัน ไดออกซินไม่ทําให้เกิดอาการพิษหรือตายอย่างเฉียบพลัน แต่อาการจะค่อยๆเกิดขึ้นและทวีความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตไดภายในเวลา 14 – 28 ชั่วโมง อาการที่จัดเป็นลกษณะของพิษที่เกิดจากสารไดออกซินคือ อาการที่เรียกว่า “Wasting Syndrome” โดยลักษณะอาการแบบนี้จะเกิดการสูญเสียน้ําหนักตัวอย่างรวดเร็วจากการได้รับสารเป็น 2-3 วัน นอกจากนี้ส่วนมากเกิดอาการฝ่อของต่อมไทมัส มีอาการผิดปกติของตับ เลือดออกในอวัยวะต่างๆ มีอาการอัณฑะฝ่อน้ำหนักต่อมลูกหมากและมดลูกเล็กลง น้ําหนักของต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น การสร้างเม็ดเลือดของไขกระดูกลดต่ำ อาการที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผิวหนังอักเสบ เป็นตุ่มสิวหัวดํา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใบหน้าเรียกโรคผิวหนังนี้ว่า “Chloraone” ผิวหนังมีสีเข้มขึ้นและสีของเล็บจะเปลี่ยนเป็นสีน้ําตาล เยื่อบุตาอักเสบ ไดออกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะตับ อีกทั้งยังทําให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องและทําให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ เช่น การสืบพันธุโดยสารไดออกซินมีผลทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในกระแสเลือด ขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ทดลองและปริมาณของสาร ซึ่งความผิดปกติของระบบสืบพันธ์ของเพศผู้และเพศเมียมีดังนี้คือในเพศเมียจะมการผสมพันธุ์แล้วไม่สามารถตั้งท้องได้จนครบกําหนดจํานวนลูกต่อครอกลดลง การทํางานของรังไข่ผิดปกติหรือไม่ทํางาน วงจรการเป็นสัตว์ (การผสมพันธุ์) ผิดปกติ และมีเนื้อเยื่อบุมดลูกเจริญเติบโตภายนอกมดลูก ส่วนในเพศผู้พบว่า ไดออกซินทําให้น้ำหนักของอัณฑะและอวัยวะอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ลดลง อัณฑะมีรูปร่างผิดปกติ การสร้างเชื้ออสุจิลดลง ทําให้ความสําเร็จของการผสมพันธุ์ลดลง มีความไวต่อสารไดออกซินต่างกัน เช่น ลิงและหนู จะมีความไวต่อสารในระดับต่ําสุดที่ 1 ไมโครกรัม/กิโลกรัมน้ําหนักตัว/วัน และรับสารต่อเนื่องกันนาน 13 สัปดาห์ มีผลทําให้การสร้างอสุจิลดลง
พิษเรื้อรัง ไดออกซิน/ ฟิวแรน จะทําให้น้ําหนักตัวลดลงและเกิดความผิดปกติที่ตับ ทําให้เซลล์ตับตาย และเกิดอาการโรคผิวหนังอักเสบ ไดออกซินที่มีความเป็นพิษมากที่สุดคือ 2,3,7,8-Tetra CDD
(ประกอบด้วยคลอรีน 4 อะตอม) ซึ่งวิธีการหา total toxicity (ความเป็นพิษทั้งหมด) ของ PCDDs/PCDFs จะแสดงโดยค่า I-TEQ (International Toxic Equivalent) โดยแต่ละสารประกอบจะประเมินจากค่า I-TEF (International Toxic Equivalent Factor) ซึ่งค่า I-TEF ของ 2,3,7,8-Tetra CDD ที่มีความเป็นพิษมากที่สุดนี้เท่ากับ 1 (Holtzer, M., Dañko, J., and Dañko, R., 2007) ซึ่งค่าความเป็นพิษของไดออกซินและฟิวแรนแต่ละตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายไอโซเมอร์ หรือที่เรียกว่า “คอนจีเนอร์” (congeners)
พิษเรื้อรัง ไดออกซิน/ ฟิวแรน จะทําให้น้ําหนักตัวลดลงและเกิดความผิดปกติที่ตับ ทําให้เซลล์ตับตาย และเกิดอาการโรคผิวหนังอักเสบ ไดออกซินที่มีความเป็นพิษมากที่สุดคือ 2,3,7,8-Tetra CDD
(ประกอบด้วยคลอรีน 4 อะตอม) ซึ่งวิธีการหา total toxicity (ความเป็นพิษทั้งหมด) ของ PCDDs/PCDFs จะแสดงโดยค่า I-TEQ (International Toxic Equivalent) โดยแต่ละสารประกอบจะประเมินจากค่า I-TEF (International Toxic Equivalent Factor) ซึ่งค่า I-TEF ของ 2,3,7,8-Tetra CDD ที่มีความเป็นพิษมากที่สุดนี้เท่ากับ 1 (Holtzer, M., Dañko, J., and Dañko, R., 2007) ซึ่งค่าความเป็นพิษของไดออกซินและฟิวแรนแต่ละตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายไอโซเมอร์ หรือที่เรียกว่า “คอนจีเนอร์” (congeners)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)