มาตรการควบคุมไดออกซินและฟิวแรนในระดับโลก

             โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีความเห็น
สอดคล้องกันคือ ต้องการให้มีกลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อควบคุมการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (Persistent Organic Pollutants` POPs) เบื้องต้น 12 ชนิด ดังกล่าว โดยร่วมกับรัฐบาลประเทศต่างๆ จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล เพื่อเตรียมกลไกทางกฏหมายต่างประเทศบังคับใช้สําหรับการดําเนินกิจกรรมต่างๆ โดยเน้นที่สาร POPs ทั้ง12 ชนิดรวมทั้งศึกษาและพิจารณาสารPOPs อื่นนอกเหนือจาก12 ชนิด ที่กําหนดไว้แล้วซึ่งขณะนี้การประชุมเจรจาเสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ประกาศใช้เป็นอนุสัญญาเรียกว่า“Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants” ประเทศไทยได้ลงนามในสัตยาบัน เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2548 จุดมุ่งหมายของอนุสัญญาฯ คือ เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สารเคมี POPs เบื้องต้น 12 ชนิดคือ อัลดริน (aldrin) คลอเดน(chlordane) ดีดีที(DDT) ดิลดริน (dieldrin) เอนดริน (endrin) เฮปตะคลอ (heptachlor) เอชซีบี (hexachlorobenzene) ไมเร็กซ์(mirex) ท็อกซาฟน (toxaphene) พีซีบี (polychlorinated Biphenyls` PCBs) ไดออกซิน(Polychlorinated dibenzo-p-dioxins` PCDDs) และฟวแรน (Polychlorinated dibenzofuraus` PCDFs) สาร POPs เหล่านี้เป็นกลุ่ม
สารประกอบอินทรีย์ซึ่่งถูกย่อยสลายได้ยากโดยแสง สารเคมีหรือโดยวิธชีวภาพ ทําให้เกิดการตกค้างใน
สิ่งแวดล้อมเป็นเวลานานและสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ไกลมาก โดยพันธกรณีสําคัญที่ภาคีต้องปฏิบัติ หลังจากอนุสัญญา POPs มีผลบังคับใช้แล้ว มีดังนี
1. ใช้มาตรการทางกฎหมายและการบริหารในการห้ามผลิตและใช้สาร POPs 9 ชนิดแรก
2. จะนําเข้า/ ส่งออกสาร POPs ได้ก็เฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่อนุญาตให้ทําได้ เช่น มีข้อยกเว้นพิเศษ
เพื่อนํามาใช้เป็นสารกําจัดปลวก สารกําจัดแมลง เป็นต้น
3. ต้องจัดทําแผนปฏิบัติการในการลดหรือเลิกการปล่อยสาร POPs จากกระบวนการผลิตภายใน 2 ปี
หลังจากอนุสัญญา POPs บังคับใช้
4. ส่งเสริมการใช้สารทดแทน แนวปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อม และเทคนิคที่ดีที่สุด
5. ประกันว่าคลังสินค้าที่มีสาร POPs ต้องได้รับการดูแลไม่ให้ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งต้องดูแลจัดการของเสียที่เกิดจากสาร POPs ในทํานองเดียวกัน
6. กําหนดแผนและปฏิบัติตามแผนเพื่อเป็นไปตามอนุสัญญา POPs และส่งรายงานให้ที่ประชุมภาคี
ภายใน 2 ปี หลังจากอนุสัญญา POPs มีผลบังคับใช้
7. ให้ผู้บริหารและผู้กําหนดนโยบายมีความเข้าใจเรื่อง POPs
8. ให้ความรู้เกี่ยวกับ POPs แก่สาธารณชน
9. สนับสนุนให้มีการวิจัยเรื่องผลกระทบต่างๆ จากสาร POPs ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ
10. ตั้งศูนย์ประสานงานระดับชาติเพื่อทําหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและหน้าที่อื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น